ภาระกิจวันลอยกระทงปีนี้มีแค่อย่างเดียว คือ พาเด็กไปลอยกระทง ^___^
ไม่เคยเห็นดอกถั่วฝักยาว — คิดว่ามันงอกออกมาเป็นฝักเลย ;P
ดอกถั่วฝักยาวดอกแรกที่เห็น เป็นต้นที่ลงมือเพาะเมล็ดเองกับมือ ^___^
ดอกสวยมาก ดูแปลกตาดี ออกสีขาวอมม่วง บานแค่ช่วงเช้าแป๊บเดียวเท่านั้น — ในภาพถ่ายช่วงประมาณ 7 โมงเช้า พอมาดูอีกทีตอนเที่ยงๆ ดอก็หุบ และโรยแล้ว
ได้รับเมล็ดถั่วฝักยาวไร้ค้าง จากคุณ จากตัวเล็ก … ถึงตัวใหญ่ ห้องต้นไม้@พันทิป
ชื่อ “ไร้ค้าง” คือจริงๆต้นต้องเป็นพุ่ม ไม่เลื้อยเหมือนถั่วฝักยาวทั่วไป — คือไม่ต้องทำ ‘ค้าง’ ให้เลื้อยนั่นเอง — แต่อันนี้เราปลูกแล้วเลื้อยไปยาวไกล สงสัยจะกลายพันธุ์ o_O”
แต่เราก็ไม่ได้ทำค้างให้เค้าเลื้อยนะ ยังถือว่าตรงคอนเซ็ปต์ถั่วไร้ค้างอยู่ ^3^
ได้เมล็ดมาทั้งหมด 5 เมล็ด แบ่งเพาะเป็น 2 รอบ รอบแรกปลูกไปเมือ่ 29 สิงหา ประมาณเกือบ 2 เดือนก็มีดอกให้เห็น แต่โดนเพลี้ยและมดรุมทึ้ง ออกดอกมาดอกเดียว ยังไม่ทันบานก็โรยไป จนตอนนี้ยังไม่มีดอกให้เห็นอีก ส่วนต้นก็ดูโทรมๆ คงต้องถกทิ้งทำปุ๋ย u_u
รอบ 2 เพาะที่เหลือ 3 เมล็ด — 13 กันยา — งอก 2 ระยะเวลางอกช้ากว่าเดิม คงเพราะเมล็ดเก่า แต่ก็โตมาเรื่อยๆ จนมีดอก — 22 ตุลา
พอดอกโรยและร่วงไป ก็จะเห็นฝักถั่วเล็กๆ เขียวๆ — เล็กจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นถั่วฝักยาว ^v^
ต่อไปก็ลุ้นว่า ฝักถั่วจะอยู่รอดจนโตพอให้เก็บกินได้รึเปล่า เพราะแมวที่บ้านชอบมาเขี่ยๆ + แทะเล่นซะงั้น
ตอนนี้มีอยู่ 5 ฝัก ไม่แน่อาจไม่ได้กิน กะจะปล่อยให้แก่ เอาเมล็ดมาทำพันธุ์ต่อ ดูว่าต้องปลูกกี่รอบ ถึงจะได้ถั่วไร้ค้างจริงๆ :”>
กำลังเห่อ เลยถ่ายรูปไว้เยอะหน่อย :3
ช่วงนี้ล่ะมั้งที่เค้าเรียกว่า ปลายฝนต้นหนาว
วันนี้ก็มีฝนตกอีก ตกหนักซะด้วย แถมลมยังแรงอีกต่างหาก
เล่นซะกิ่งแกลดิโอลัสที่ลองปลูกไว้หักเลยเชียวล่ะ T_T
แต่ที่เซ็งสุดก็คือ ซัลเวียแดงที่กำลังออกช่อดอกเต็มต้น ต้องมีอันเป็นไปก็งานนี้
แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะได้เห็นตอนที่ดอกสะพรั่งเต็มช่อก็ไม่รู้ พอจะได้ดูให้ชื่นใจทีไร — ลมแรง ฝนกระหน่ำทุกทีสิน่า
งั้นก็ดูแค่ดอกสองดอกไปก่อนแล้วกัน ;3
ซัลเวียแดง (scarlet sage) เป็นต้นไม้ที่ปลูกไม่ยากนะ แต่เมล็ดพันธุ์ต้องดีหน่อย เคยซื้อมาแบบเพาะไม่ขึ้นซักเมล็ดเลยก็มี ดอกก็สีสวยน่ารักดี มีให้เลือกหลายสีด้วย ^^
ตั้งแต่เพาะเมล็ดก็ใช้เวลาแค่ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ก็ได้เห็นดอกแล้วล่ะ
อย่างต้นนี้เริ่มปลูกตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2555 ประมาณต้นเดือนพฤศจิกาก็เห็นดอกเริ่มบานประปรายแล้ว — เห็นมีบางคนเล่าว่าปลูกประมาณเดือนเศษก็มีดอกแล้วด้วยนะ ก็อาจเป็นได้ เพราะเราปลูกแบบไม่ค่อยดูแลเท่าไหร่ ปุ๋ยก็ไม่เคยใส่ แถมให้เค้าอยู่ในถุงใบนิดเดียวเอง u_u”
ซัลเวียชอบแดด แต่ถ้าฝนตกก็ควรยกหลบฝนซักหน่อย โดยเฉพาะตอนที่มีช่อดอกแล้ว — ดอกเค้าเล็ก บอบบาง — ไม่อย่างนั้นดอกร่วงหมด อดชมดอกสีสวยๆ น่ารักๆ เหมือนเราไม่รู้ด้วยนะ ^__^
คราวที่แล้วลองปลูกทานตะวันในขวดเป๊ปซี่ลิตร (ครึ่งขวด)
คราวนี้ลองทำให้ขนาดใหญ่กว่าเดิมมั่ง คือยังใช้ขวดเป๊ปซี่ลิตรเหมือนเดิม แต่ตัดช่วงบนออกไปแค่นิดหน่อย ทำให้ได้กระถางยาวขึ้น
ดูว่าถ้าดินเยอะขึ้น ทานตะวันจะโตเป็นยังไง
ช่วงเวลาตั้งแต่เพาะเมล็ด จนกระทั่งออกดอก ยังคงประมาณเดียวกับคราวที่แล้ว คือเกือบๆ 2 เดือน
ลงเมล็ดวันที่ 17 กันยา ดอกบานวันที่ 8 พฤศจิกา (52 วัน)
ต้นและดอกใหญ่กว่าของเดิมที่ปลูกในครึ่งขวดลิตรนิดหน่อย
ที่สำคัญ หน้าตาดอกดูเหมือนทานตะวันมากขึ้น (นิดนึง) คราวนี้ถึงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นดอกทานตะวัน เพียงแต่ขนาดออกจะจิ๋วไปหน่อย
ถ้าดูเฉพาะขนาดก็คงเป็นได้แค่ดอกบัวตองล่ะมั้ง ^_____^
ลองดูแบบเปรียบเทียบดอกที่ปลูกได้คราวก่อนกับคราวนี้บ้าง — ด้านซ้ายเป็นดอกเก่าที่บานช่วงปลายเดือนที่แล้ว
เห็นมั้ยล่ะว่าต่างกันเยอะจริงๆ ถึงจะยังไม่เป็นดอกทานตะวันดอกใหญ่ แต่ก็ถือว่าใกล้ความจริง
จริงๆแค่ลงมือปลูกอะไรซักอย่าง แล้วออกดอกออกผล แค่นี้ก็เป็นปลื้มแล้วล่ะ ^_____^
ตอนนี้เริ่มเพาะทานตะวันชุดใหม่แล้ว — 3 ต้น — คราวนี้ลองเพาะในกระถาง 12 นิ้ว คิดว่าน่าจะบานทันช่วงปีใหม่
รอดูว่าจะเป็นทานตะวันพี่บิ๊ก หรือจะเป็นทานตะวันแคระเหมือนเคย ^_____^
เมื่อวันก่อนป้าที่ราชบุรีโทรมาบอกว่าซื้อเห็ดโคนไว้ให้
เมื่อวานก็เลยขับรถไปรับของอร่อยมา ^_^
กว่าจะออกจากบ้านก็เกือบเทียง แต่ก็ยังอุตส่าห์แวะได้หลายที
ก่อนถึงราชบุรีก็แวะดูที่ดินที่พี่ซื้อไว้แถวเพชรบุรี ตอนนี้เค้าถางต้นไม้รกๆออกไปเยอะแล้ว เหลือไว้แต่ไม้ใหญ่ๆ อย่างมะม่วง สะเดา
แปลงนาที่อยู่ใกล้ๆกันกำลังออกรวงเหลืองสวยมาก ^_^
ส่วนดอกไม้ที่เห็นนี่ เห็นตอนแรกสีมันสะดุดตามาก มานึกออกว่าคือดอกผกากรอง หลังจากถ่ายรูปแล้ว แต่เป็นผกากรองที่กำลังโรย
แวะดูที่เสร็จ ก็ได้เวลาไปรับเสบียง นอกจากจะได้เห็ดโคนมาแล้ว ยังได้กล้วย น้ำเต้า มะพร้าว หน่อไม้ มะนาว และ ฯลฯ มาด้วย
ป้าบอกว่าตอนนี้มีที่ตรงปากทางเข้าส่วนผึ้งบอกขายอยู่ 2 แปลง ก็เลยลองแวะไปดูกัน แต่เราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องที่เท่าไหร่ เพราะมองไปก็เห็นเป็นที่รกๆ มีต้นยูคาลิปตัส กับต้นสนปลูกอยู่ด้วย เห็นเค้าว่าเอาไว้ขาย
ดูที่เสร็จก็ลองแวะไปเดินเล่นที่อ่างเก็บน้ำห้วยไม้เต็ง อยู่ใกล้ๆกัน อากาศดีมาก ลมเย็น
เค้าเล่าว่าปกติจะมีคนมาเดินเล่นกันเยอะ และบริเวณนี้ก็ยังใช้เป็นที่จัดงานรื่นเริง หรืองานเทศกาลต่างๆด้วย แต่วันที่เราไปไม่ค่อยมีคน มีนั่งเล่นกันอยู่ไม่ถึงสิบคน
อากาศดี ลมเย็น แต่ไม่แน่ใจว่าถ้าคนเยอะๆ จะบรรยากาศดีแบบนี้รึเปล่า
นั่งตากลมกันอยู่สักพัก ก็ได้เวลากลับ เพราะไม่อยากถึงบ้านมืดเกินไป ^____^
ถึงจะได้เป็นดอกดาวกระจาย แทนที่จะเป็นดอกทานตะวันอย่างที่ควรจะเป็น
เราก็ไม่ได้ถอนต้นทิ้ง เพราะคิดว่าจะเก็บเมล็ดจากต้นนี้มาลองปลูกดูอีกครั้ง ดูซิว่าหน้าตาของรุ่นลูกจะออกมาเป็นยังไง
แต่พอดอกโรยไป ก็สังเกตุเห็นแถวข้างๆฐานดอก กับข้างๆก้านใบ มีตุ่มเล็กๆโผล่ออกมา
เล็งแล้ว คิดว่าเป็นตุ่มดอก แต่ก็ไม่เคยเห็นทานตะวันที่ไหนมีดอกงอกออกมาข้างใบ กับฐานดอกด้วย
คิดมาตลอดว่า ทานตะวัน 1 ต้น มีดอกแค่ดอกเดียวโดดๆเท่านั้น
มาคิดๆดู เวลาเราไปทุ่งดอกทานตะวัน ก็อยู่กับมันแค่ไม่กี่ชั่วโมง แล้วก็กลับ แล้วก็ไม่เคยสังเกตุด้วยว่า ต้นไหน ดอกไหนจะมีอะไรแปลกปลอมงอกออกมารึเปล่า
หน้าตาตุ่มดอกที่งอกเป็นติ่งออกมาตรงก้านใบหน้าตาเป็นแบบนี้
ตุ่มดอกที่งอกใหม่ใกล้ๆกับฐานดอกเก่า ดอกบานแล้ว หน้าตาเป็นแบบนี้ ไม่แน่ใจว่าตุ่มดอกแถวก้านใบจะบานรึเปล่า เพราะตอนเกิดก็ไล่เลี่ยกัน แต่ตอนบานดอกนี้กลับบานก่อน นอกนั้นยังดูเป็นตุ่มๆติ่งๆอยู่ ไม่มีที่ท่าว่าจะบาน
อยากรู้จริงๆว่าแบบนี้คือเป็นปกติ หรือผิดปกติกันแน่ =_=?
นานมากที่ไม่ได้กินขนมครกเจ้านี้ หลายปีเลยทีเดียว ทั้งๆที่ร้านก็อยู่ข้างๆบ้านแท้ๆ -.-ว
เป็นขนมครกที่เราเรียกว่าโบราณจริงๆ ตั้งแต่จำความได้ก็มียายแก่ๆขายอยู่แล้ว จนตอนนี้คุณยายจากไป จนรุ่นลูกมารับช่วงต่อหลายสิบปีแล้ว
ที่ไม่ได้กินนานแล้ว ก็เพราะว่าเราตื่นสายตลอด แต่ขนมครกโบราณเจ้านี้ แค่ประมาณ 7 โมงเช้าก็หมดแล้ว บางวันขายดีๆ แค่ 6 โมงก็หมดเกลี้ยง
จำได้ ตอนเด็กๆ ชอบไปนั่งดูคุณยายเค้าโม่แป้ง ใช้โม่หินแบบโบราณ หยอดข้าวลงไป แล้วก็หมุนๆเป็นแป้งออกมา
ตอนนี้คุณป้าคนขายก็ยังใช้โม่หินอันนี้ทำขนมอยู่เลย — เก่าจริง อะไรจริง
ไม่รู้ว่าสมัยนี้เค้ายังใช้โม่หินกันอยู่รึเปล่า หรือเอาไปแต่งบ้าน ประดับรีสอร์ท ไม่ก็เก็บอยู่ตามพิพิธภัณฑ์
ขนมครกโบราณ (ของเรา) กับขนมครกสมัยนี้ ไม่เหมือนกันนะ
ขนมครกที่มีป้ายบอกว่าโบราณที่เห็นสมัยนี้จะมีโรยหน้าด้วย — ทั้งข้าวโพด, ต้นหอม, เผือก และอีกมากมาย —
อีกอย่างนึงก็คือ ด้านล่างขนมจะแข็งๆกรอบๆ — บางเจ้าแคะออกมาเป็นแผ่นๆทั้งครก แล้วค่อยใช้กรรไกรตัดแบ่งเป็นชิ้นๆเอา
แล้วหน้าขนมครกก็จะออกแห้งๆ หวานๆหน่อย
แต่ขนมครกโบราณ (ของเรา) ไม่มีไส้ ด้านล่างขนมก็ไม่แข็งกรอบ ส่วนหน้าก็จะนิ่มๆ เป็นกะทิเยิ้มๆ — โดยเฉพาะตอนร้อนๆ — น่ากินมาก ^3^
ส่วนรสชาดจะออกเค็มๆ-มันๆ
เรียกว่าเป็นรสชาดที่คิดถึงเลยล่ะ ^______^
พักก่อนนี้ที่ได้รับเมล็ดมอร์นิ่งกลอรี่ จากห้องต้นไม้@จตุจักรมา ก็รู้สึกว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกง่ายจังนะ ^_^
แต่ตอนนี้คงต้องคิดใหม่ซะแล้ว เพราะเมล็ดชุดใหม่ที่ได้รับมานี่ เพาะไปเกือบ 10 เมล็ด ไม่รอดซักต้นนึง
หรือเป็นเพราะว่าเมล็ดที่ได้รับมาคราวนี้ เป็นพันธุ์ที่หายากขึ้นกว่าที่เคยได้มา ก็เลยปลูกยากขึ้นตามไปด้วย — เดาล้วนๆ — :3
เมล็ด morning glory ที่ได้มาคราวนี้ก็มีพันธุ์ heaven blue, purpurea venice pink, Light blue star, candy pink, pastel star, tricol flying sancers
อาการที่เจอก็คือ หลังจากงอกมาซักพัก มีใบจริงแล้ว ใบเลี้ยงจะเริ่มเหลือง แล้วก็เหลืองลามขึ้นมาถึงใบแท้ ใบเหลือง และเหี่ยว
สักพักโคนต้นจะเน่า และตายสนิท — ไม่แน่ใจว่าใช่เชื้อรารึเปล่า
อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเจออาการแบบนี้ต้องทำยังไงให้ต้นไม้รอดตาย หรือก่อนจะเอาเมล็ดหย่อนลงดิน ต้องมีวิธีการอะไรเพื่อป้องกันรึเปล่า
ตอนนี้ก็ลองปลูกใหม่อีกชุดนึงแล้ว ที่เห็นว่าน่าจะรอดตอนนี้ก็คือ มอร์นิ่ง purpurea venice pink ส่วนชนิดอื่นก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป
หวังว่าจะได้ดูดอกสวยๆเร็วๆนี้ ^____^